แชร์หน้านี้

ทำความรู้จัก “โอปป้าโก” โก ซุลกิ ห้องเครื่องหน้านิ่ง กิมจิเผ็ดร้อน

โก ซุลกิ

โก ซุลกิ ชื่อนี้ถ้าเป็นแฟนบอลของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เชื่อได้ว่าทุกคนจะต้องรู้จักนักเตะหน้านิ่ง ห้องเครื่องตัวเก่งคนนี้เป็นอย่างดี เพราะ โก ซุลกิ นั้นมีดีกรีเป็นถึง ผู้เล่นที่เคยคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมป์เปียนส์ลีก ฟุตบอลถ้วยใบใหญ่สุดระดับเอเชียมาแล้ว

“โอปป้าโก” ห้องเครื่องหน้านิ่ง กิมจิเผ็ดร้อน เกิดวันที่ 21 เมษายน 2529 โดยเริ่มต้นอาชีพพ่อค้าแข้งกับยอดทีมแดนกิมจิอย่าง โปฮัง สตีลเลอร์สแต่ทว่าก็ถูกปล่อยตัว
ให้ กวางจู ซังมู ยืมตัวไปใช้งาน ซึ่งที่นี่เอง ที่ทำให้ โก ซุลกิ เริ่มเป็นที่จับตามอง จนกระทั่ง โปฮัง สตีลเลอร์ส ได้ดึงตัวกลับเข้าไปร่วมทัพ และยังมีโอกาสได้วาดลวดลายบนฟลอร์หญ้าในศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ปี 2551

เมื่อถามถึงสภาพการฝึกซ้อม และวงการฟุตบอลในประเทศเกาหลีใต้ โก ซุลกิ บอกกับเราว่า “ที่เกาหลีใต้ เราฝึกซ้อมกันหนักมากๆ ครับ โดยเฉพาะในช่วงปรีซีซั่น เราฝึกซ้อมกันวันละ 3 เวลาเลย เพราะการแข่งขันที่นั่นสูงมาก คุณจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งจริงๆ ถึงจะยืนระยะอยู่ได้ ในความคิดของผมนั้น นักเตะไทยที่สามารถจะไปค้าแข้งอยู่ในเคลีกได้ มี 2 คน คือ โน้ต – จักรพันธ์ แก้วพรม และเจ – ชนาธิป สรงกระสินธ์

ด้วยฝีเท้าอันยอดเยี่ยม แต่โอกาสที่จะได้ลงสนามกับต้นสังกัดยังมีน้อย ทำให้หลายๆ ทีมในเอเชียต่างรุมจีบห้องเครื่องหน้านิ่ง ที่มีลีลาการเล่นอันดุเด็ดเผ็ดมันส์คนนี้ ก่อนจะเป็น อุลซาน ฮุนได ที่ได้รับลายเซ็นของ โก ซุลกิ ไปครอง ในปี 2553 ซึ่งที่นี่เอง ที่ทำให้ “โอปป้าโก”ดังเป็นพลุแตก เมื่อเขานั้นสามารถพัฒนาฝีเท้าให้เข้าขั้นตัวท็อปของเคลีก ลีกสูงสุดของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็น

ลีกที่มีมาตรฐานสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย โดยสามารถเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้าแชมป์เคลีกได้ในปี 2554 ก่อนที่ปีถัดมา “โอปป้าโก” จะได้พาทีมต่อยอดขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ฟุตบอลถ้วยในระดับเอเชียได้ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ไปครองได้สำเร็จ ด้วยการอัดยอดทีมจากซาอุดีอาระเบีย อย่าง อัล อาห์ลี ไปขาดลอยถึง 3-0

เราถามเขาว่า รู้หรือไม่ว่าแฟนบอลตั้งฉายาให้เขาว่า “เซราะกราวหน้านิ่ง” เขาตอบว่า “ผมคิดว่าผมก็ยิ้มเยอะแล้วนะครับ (หัวเราะ) เเต่ระหว่างเเข่งผมไม่ได้ยิ้มแน่นอน เพราะว่าผมต้องมีสมาธิกับเกม ถ้านอกเกมการเเข่งขันผมก็ยิ้มนะครับ”

ด้วยฟอร์มการเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ และโดดเด่นกว่านักเตะในตำแหน่งเดียวกันในทวีปเอเชีย ทำให้ทีม เอล ญาอิช ของกาตาร์ ยอมทุ่มเงินถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30 ล้านบาท คว้าตัว โก ซุลกิ ไปร่วมทัพ

เมื่อเข้าสู่ปี 2558 “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยอดทีมของเมืองไทย ก็เรียกเสียงฮือฮาด้วยการคว้าตัว โก ซุลกิ มาร่วมทีม และปีนั้น “โอปป้าโก” ก็ได้โชว์ให้เห็นว่าการที่สโมสรคว้าตัวเขามาร่วมทัพนั้น เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด เนื่องจากเวลานั้นมีนักเตะต่างชาติอยู่ในทีมหลายคนจนล้นโควตาที่จะส่งรายชื่อเข้าแข่งขัน

เพียงฤดูกาลแรกกับแชมป์เซราะกราว “โอปป้าโก” ก็ได้โชว์ความเป็นยอดผู้เล่น ให้แฟนวงการฟุตบอลเมืองไทยได้เห็น เขากลายเป็นห้องเครื่อง หรือนักเตะกองกลางที่ดีที่สุดในลีกไทย ถึงแม้ว่าจะยิงประตูได้ไม่เป็นกอบเป็นกำ แต่การเล่นของเขานั้นเป็นประโยชน์ต่อทีมเป็นอย่างมาก ทั้งการเติมเกมบุก ทั้งการเก็บกวาดแดนกลาง รวมไปถึงสามารถลงไปเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกันนี้ลูกยิงไกลอันเป็นที่เลื่องลือของเขานั้นก็แผลงฤทธิ์ให้ได้เห็นอยู่บ่อยๆ

เมื่อจบฤดูกาล โก ซุลกิ ได้พา “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ได้ถึง 5 รายการ สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกในเอเชีย ที่คว้าแชมป์ได้ถึง 5 รายการ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก., ช้าง เอฟเอคัพ, โตโยต้า ลีกคัพ, ไทยพรีเมียร์ลีก, และแม่โขงคลับแชมเปี้ยนชิพ

ปี 2559 เหมือนโชคชะตาเล่นตลก หรือฟ้ากลั่นแกล้งก็มิทราบ โก ซุลกิ ที่ผลงานกำลังดีอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องหายไปจากพื้นหญ้า ทำให้แฟนบอลต่างสงสัยกันว่าเขาหายไปไหน ก่อนจะทราบว่า “โอปป้าโก” ดาวเตะต่างชาติที่ดีที่สุดคนหนึ่งในไทยลีกนั้น มีอาการบาดเจ็บรบกวน ซึ่งการบาดเจ็บครั้งนั้นของ โก ซุลกิ ก็ส่งผลถึงฟอร์มของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วย

มาถึงในฤดูกาลนี้ 2560 ดูเหมือนว่าผลงานของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะกลับมายอดเยี่ยมได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับผลงานในสนามของ โก ซุลกิ ที่กลับมาโดดเด่นในชนิดที่ทีมจะขาดไม่ได้อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าหากว่าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เชื่อเถอะว่า โก ซุลกิ กับ เพื่อนๆ น้องๆ ภายในทีมจะพา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งแน่นอน

ข่าวฟุตบอลวันนี้ 16 May 2560

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดโก ซุลกิไทยลีก

แชร์หน้านี้

COMMENTS